Juvelook vs Sculptra ต่างกันยังไง? เลือกตัวไหนให้เหมาะกับคุณ

การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen Stimulator) เป็นเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่ได้ช่วยเพียงแค่เติมเต็มริ้วรอย แต่ยังฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวแน่น กระชับ และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ สองชื่อที่ถูกพูดถึงมากในตอนนี้คือ Juvelook และ Sculptra แต่หลายคนอาจยังสับสนว่าทั้งสองตัวนี้แตกต่างกันอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

✅ 1. ส่วนผสมหลัก

  • Juvelook
    มีส่วนผสมของ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) เช่นเดียวกับ Sculptra แต่ Juvelook มีความพิเศษตรงที่ผสม HA (Hyaluronic Acid) เข้าไปด้วย ทำให้หลังฉีดเห็นผลบางส่วนทันที ผิวดูฟูขึ้น และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
  • Sculptra
    ใช้สาร PLLA เพียว ๆ ไม่มี HA ผสม ผลลัพธ์จึงไม่ได้เห็นทันที ต้องรอร่างกายกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ใช้เวลาประมาณ 1–2 เดือนถึงจะเห็นผลชัดเจน

✅ 2. การกระตุ้นคอลลาเจน

  • Juvelook
    กระตุ้นคอลลาเจนได้ดีเช่นกัน แต่จะให้ความรู้สึก เนียนใส + ชุ่มชื้น มากกว่า เพราะมี HA ผสม จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการทั้งฟื้นฟูผิวและเติมเต็มเล็กน้อย
  • Sculptra
    เป็นที่รู้จักในฐานะ “ราชาแห่งการกระตุ้นคอลลาเจน” เพราะสามารถกระตุ้นได้มากและยาวนาน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับและปรับรูปหน้า

✅ 3. จุดที่นิยมฉีด

  • Juvelook
    นิยมฉีดบริเวณ ผิวหน้าโดยรวม, ใต้ตา, ร่องแก้ม, ผิวที่แห้งหรือเริ่มบาง เพื่อให้ผิวฟู อิ่มน้ำ และดูสดใส
  • Sculptra
    มักฉีดเพื่อแก้ไข โครงสร้างใบหน้า, ร่องลึก, ขมับ, กรอบหน้า รวมถึงยังใช้ใน ก้นและลำตัว เพื่อเสริมวอลลุ่มได้ด้วย

✅ 4. ระยะเวลาการเห็นผล

  • Juvelook
    เห็นผลบางส่วนทันทีเพราะมี HA และคอลลาเจนจะค่อย ๆ สร้างเพิ่มเรื่อย ๆ ผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 1–2 เดือน
  • Sculptra
    ไม่เห็นผลทันที ต้องรอคอลลาเจนสร้างขึ้นเอง ใช้เวลาประมาณ 2–3 เดือนถึงเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน

✅ 5. ความคงทนของผลลัพธ์

  • Juvelook
    อยู่ได้ประมาณ 12–18 เดือน แล้วแต่สภาพผิวและการดูแล
  • Sculptra
    ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานกว่า ประมาณ 18–24 เดือน เพราะกระตุ้นคอลลาเจนได้เข้มข้นกว่า

✅ 6. ความเหมาะสมของแต่ละคน

  • Juvelook เหมาะกับใคร?
    • คนที่อายุยังไม่มาก
    • เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ ผิวขาดความชุ่มชื้น
    • ต้องการเห็นผลฟูเล็กน้อยทันทีและค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ
  • Sculptra เหมาะกับใคร?
    • ผู้ที่อายุมากขึ้น มีความหย่อนคล้อยชัด
    • ต้องการการฟื้นฟูโครงสร้างใบหน้า
    • ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและไม่รีบร้อนเห็นผลทันที

ข้อดีของ Juvelook

  • มีทั้ง HA และ PLLA ในตัวเดียว
  • เห็นผลไวบางส่วนทันทีหลังฉีด
  • ช่วยเรื่องผิวฟู ชุ่มชื้น อิ่มน้ำ
  • ผลลัพธ์คงทนประมาณ 1–1.5 ปี

ข้อดีของ Sculptra

  • กระตุ้นคอลลาเจนได้เข้มข้นและยาวนาน
  • เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยลึก
  • ผลลัพธ์อยู่ได้ถึง 2 ปี
  • สามารถใช้ได้ทั้งใบหน้าและร่างกาย เช่น เติมก้น เติมต้นขา

Juvelook หรือ Sculptra แบบไหนดีกว่ากัน?

ความจริงแล้วไม่มีคำตอบตายตัวว่าตัวไหนดีกว่า ขึ้นอยู่กับ เป้าหมายของคุณและสภาพผิว เช่น

  • ถ้าอยากได้ผิวใส ชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี และเริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ → Juvelook ตอบโจทย์
  • ถ้าอายุเยอะขึ้น ผิวเริ่มหย่อนคล้อย ร่องลึก ต้องการการยกกระชับระยะยาว → Sculptra เหมาะกว่า

Juvelook และ Sculptra ราคา

ราคาแตกต่างกันตามจำนวนขวดที่ใช้และคลินิก โดยทั่วไป

  • Juvelook: เริ่มต้นประมาณ 7,000 – 12,000 บาท/ขวด
  • Sculptra: เริ่มต้นประมาณ 15,000 – 25,000 บาท/ขวด

✅ สรุปง่าย ๆ

  • ถ้าอยากได้ ผิวใส ฟู อิ่มน้ำ + เห็นผลไวบางส่วน → เลือก Juvelook
  • ถ้าอยากได้ ยกกระชับ ฟื้นฟูโครงสร้างผิวลึก + อยู่ทนนาน → เลือก Sculptra

👉 ดังนั้น การเลือกฉีด Juvelook หรือ Sculptra ขึ้นอยู่กับ เป้าหมายและสภาพผิวของแต่ละคน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจและปลอดภัยที่สุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *