Biostimulator ตัวใหม่ ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนให้ดูผิวอ่อนเยาว์

การดูแลผิวพรรณเป็นเรื่องสำคัญ Biostimulator กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในวงการความงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงที่ต้องการรักษาความอ่อนเยาว์ของผิว บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Biostimulator ตัวใหม่ที่กำลังมาแรง วิธีการทำงาน ประโยชน์ และข้อควรระวังต่างๆ

Biostimulator คืออะไร?

Biostimulator เป็นสารที่ใช้ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง โดยทำงานผ่านกลไกการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนัง การใช้ Biostimulator จะช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น กระชับ และดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

Biostimulator มีกี่ยี่ห้อ?

ปัจจุบัน Biostimulator มีหลายยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ได้แก่:

  1. Sculptra (Poly-L-lactic acid)
  2. Radiesse (Calcium Hydroxylapatite)
  3. Ellansé (Polycaprolactone)
  4. Renuva (Allograft Adipose Matrix)
  5. Lanluma (Poly-L-lactic acid)

แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติและข้อดีที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล

Biostimulator ใต้ตา: ทางเลือกใหม่สำหรับการรักษาริ้วรอย

การใช้ Biostimulator ในบริเวณใต้ตาเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยคล้ำ และถุงใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ใบหน้าดูผิดธรรมชาติเหมือนการฉีดฟิลเลอร์

ข้อดีของการใช้ Biostimulator ใต้ตา:

  • ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดการอุดตันของหลอดเลือด
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบางบริเวณใต้ตา

Biostimulator มีอะไรบ้าง? เจาะลึกคุณสมบัติของแต่ละชนิด

1. Sculptra (Poly-L-lactic acid)

Sculptra เป็น Biostimulator ที่ทำจาก Poly-L-lactic acid ซึ่งเป็นสารที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

คุณสมบัติ:

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 2 ปี
  • เหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตรใบหน้าโดยรวม

2. Radiesse (Calcium Hydroxylapatite)

Radiesse ประกอบด้วยอนุภาคแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบในกระดูกและฟัน

ยี่ห้อ Radiesse

คุณสมบัติ:

  • ให้ผลลัพธ์ทันทีและกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว
  • เหมาะสำหรับการแก้ไขริ้วรอยลึกและการเพิ่มปริมาตร
  • ผลลัพธ์คงอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน

3. Ellansé (Polycaprolactone)

Ellansé เป็น Biostimulator ที่ทำจาก Polycaprolactone ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ที่ย่อยสลายได้

คุณสมบัติ:

  • ให้ผลลัพธ์ทันทีและกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว
  • มีระยะเวลาการออกฤทธิ์ที่ยาวนานถึง 4 ปี
  • เหมาะสำหรับการแก้ไขริ้วรอยและการเพิ่มปริมาตรใบหน้า

4. Renuva (Allograft Adipose Matrix)

Renuva เป็น Biostimulator ที่ทำจากเนื้อเยื่อไขมันของผู้บริจาค

คุณสมบัติ:

  • กระตุ้นการสร้างไขมันใหม่ในบริเวณที่ฉีด
  • เหมาะสำหรับการแก้ไขรอยบุ๋มหรือความไม่สม่ำเสมอของผิว
  • ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและคงทนถาวร

5. Lanluma (Poly-L-lactic acid)

Lanluma เป็น Biostimulator อีกชนิดหนึ่งที่ทำจาก Poly-L-lactic acid เช่นเดียวกับ Sculptra

คุณสมบัติ:

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 2 ปี
  • เหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตรและปรับรูปหน้า

ข้อควรพิจารณาก่อนการใช้ Biostimulator

  1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการใช้ Biostimulator
  2. ประเมินสภาพผิวและความต้องการ: แต่ละคนมีสภาพผิวและความต้องการที่แตกต่างกัน การเลือก Biostimulator ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ
  3. เข้าใจผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น: แม้ว่า Biostimulator จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงบางประการ เช่น รอยช้ำ บวม หรือแดงเล็กน้อย
  4. วางแผนการรักษาระยะยาว: Biostimulator ให้ผลลัพธ์ที่ค่อยๆ ปรากฏและคงอยู่ได้นาน ดังนั้นควรวางแผนการรักษาอย่างต่อเนื่อง
  5. พิจารณาค่าใช้จ่าย: การรักษาด้วย Biostimulator อาจมีค่าใช้จ่ายสูง ควรพิจารณางบประมาณและความคุ้มค่าในระยะยาว

ขั้นตอนการรักษาด้วย Biostimulator

  1. การปรึกษาแพทย์: พบแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษา
  2. การเตรียมตัวก่อนการรักษา: หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ
  3. การทำความสะอาดผิว: แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณที่จะรักษาด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
  4. การฉีด Biostimulator: แพทย์จะฉีด Biostimulator เข้าสู่ชั้นผิวหนังด้วยเทคนิคเฉพาะ
  5. การนวดบริเวณที่ฉีด: หลังการฉีด แพทย์จะนวดบริเวณที่ฉีดเพื่อให้สารกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ
  6. การดูแลหลังการรักษา: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลผิวหลังการรักษา

ผลลัพธ์และการดูแลหลังการรักษา

ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย Biostimulator จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังการรักษา และจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 3-6 เดือน โดยผลลัพธ์สูงสุดจะเห็นได้ชัดเจนหลังจาก 6 เดือน

การดูแลหลังการรักษา:

  • หลีกเลี่ยงการนวดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
  • ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมหรือรอยช้ำ
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
  • ใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

บทสรุป

Biostimulator เป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการความงามที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยความหลากหลายของ Biostimulator ที่มีในปัจจุบัน ผู้ที่สนใจสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของตนเอง อย่างไรก็ตาม การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและการดูแลผิวอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย

พีดับเบิลยู คลินิก กาญจนบุรี คลินิกเสริมความงามครบวงจร

สนใจทดลองใช้ Biostimulator เพื่อผิวที่อ่อนเยาว์และเปล่งปลั่ง? เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อข้อมูลเพิ่มเติมและจองคิวปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญวันนี้!

แหล่งข้อมูล

  1. “Biostimulators in Aesthetic Medicine: An Overview” – Journal of Cosmetic Dermatology URL: https://onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1111/jocd.13206
  2. “Poly-L-lactic acid: a temporary filler for soft tissue augmentation” – Dermatologic Surgery URL: https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/15996419/
  3. “Calcium hydroxylapatite (Radiesse) for treatment of nasolabial folds: long-term safety and efficacy results” – Aesthetic Surgery Journal URL: https://academic.oup.com/asj/article/29/3/233/270243
  4. “Ellansé: A Novel Bioresorbable Polycaprolactone Based Dermal Filler for Facial Rejuvenation” – Journal of Drugs in Dermatology URL: https://jddonline.com/articles/dermatology/S1545961619P0009X
  5. “Renuva: A Novel Fat-Based Biostimulator for Soft Tissue Augmentation” – Plastic and Reconstructive Surgery – Global Open URL: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7261118/

#Biostimulator #ฉีดกระตุ้นคอลลาเจน #ผิวอ่อนเยาว์ #ความงาม #AntiAging

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *