Juvelook vs Sculptra ต่างกันยังไง checklist การเลือกสำหรับเคสจริง

Juvelook vs Sculptra ในมุมมองผู้เชี่ยวชาญด้านสกินบูสเตอร์/ไบโอ-สติ มูเลเตอร์ (biostimulator) เพื่อให้คุณใช้เทียบเคียงวางแผนทรีตเมนต์เชิงกลยุทธ์ได้อย่างมั่นใจ เนื้อหาครอบคลุม: องค์ประกอบ กลไกการสร้างคอลลาเจน ชนิดอนุภาค ระดับการฉีด ตำแหน่ง/ข้อบ่งใช้ที่เหมาะ การจัดโปรโตคอล ผลลัพธ์-ความคงอยู่ ความเสี่ยง-การป้องกัน ตลอดจน checklist การเลือกสำหรับเคสจริง

  • Sculptra = “คอลลาเจนสเตียมูเลเตอร์” คลาสสิกที่ใช้ poly-L-lactic acid (PLLA) อนุภาคขนาดใหญ่กว่า ออกฤทธิ์ลึกกว่า เหมาะ เติมวอลุ่มเชิงโครงสร้าง และ ยกยกกระชับทั่วใบหน้า/ขมับ/แก้มตอบ/แนวกราม ผลค่อยเป็นค่อยไปอยู่ได้ยาว (โดยเฉลี่ย 18–24 เดือน เมื่อทำครบโปรโตคอลและดูแลถูกต้อง)
  • Juvelook = สาย PLLA blend/ผสานไฮยาลูโรนิก ที่ออกแบบให้ทำงาน ระดับชั้นหนังแท้ (dermis) มากกว่าโครงสร้างลึก เน้น คุณภาพผิว: รูขุมขน หลุมสิว ผิวกร้าน-บาง ริ้วเล็ก และ “glass-skin effect” ผลลัพธ์ด้าน texture ชัดเร็วกว่า เหมาะเป็น skin-booster ที่กระตุ้นคอลลาเจนไปพร้อมกัน ความคงอยู่ ประมาณ 9–12 เดือน ตามโปรโตคอล

คิดง่าย ๆ:
Sculptra = โครง-วอลุ่ม-เฟรมหน้า
Juvelook = คุณภาพผิว-รูพรุน-แผลเป็นสิว-ผิวแน่นอิ่ม

สารบัญ

ตารางเปรียบเทียบแบบช็อตเดียว

หัวข้อSculptraJuvelook
ชนิดสารหลักPLLA (poly-L-lactic acid) ล้วนส่วนผสมที่มี PLLA microparticles + HA (ช่วยกระจาย/ความชุ่มชื้น)
จุดเด่นสร้างคอลลาเจนเชิงโครงสร้าง เติมเต็มแบบค่อยเป็นค่อยไป ยกมิติใบหน้าปรับคุณภาพผิว รูขุมขน หลุมสิว ผิวบาง-ริ้วเล็ก ให้ผิวแน่นใสไวกว่า
ระดับการฉีดลึก: subdermal-supraperiosteal/ชั้นไขมันชั้นตื้นตามเทคนิคกลาง-ตื้น: dermis/upper-dermis แบบ meso-grid หรือ cannula superficial
พื้นที่ฮิตขมับ ร่องแก้ม แก้มตอบ แนวกราม คาง ลำคอ/เนินอกบางเคสใบหน้าชั้นผิว หลุมสิว แก้ม รูขุมขน หน้าผากบางส่วน ใต้ตา (ด้วยเทคนิคที่ระมัดระวัง)
ความเร็วเห็นผลค่อยเป็นค่อยไป 6–12 สัปดาห์ เริ่มชัดหลังคอร์สผิวแน่นใส/รูเล็กลงเร็วกว่า (2–4 สัปดาห์) และดีต่อเนื่อง
ความคงอยู่*~18–24 เดือน (เมื่อทำครบและดูแลดี)~9–12 เดือนสำหรับคุณภาพผิว (โปรโตคอลครบ)
โปรโตคอลมาตรฐาน2–3 ครั้ง ห่าง 4–8 สัปดาห์/ครั้ง + massage protocol2–4 ครั้ง ห่าง 3–6 สัปดาห์/ครั้ง (ตามปัญหา/ความหนาผิว)
เคสเหมาะโครงหน้าขาดวอลุ่ม แก้มตอบ ต้องการยกกระชับเชิงโครงหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ผิวบางกร้าน ต้องการ “skin quality reboot”
การดูแลหลังทำนวด 5-5-5 (5 นาที/ครั้ง วันละ 5 ครั้ง ต่อเนื่อง 5 วัน)หลีกเลี่ยงเลเซอร์ร้อนจัด 1–2 สัปดาห์ บำรุง barrier + กันแดด
ความเสี่ยงเด่นน็อดจูล (nodule) หาก reconstitution/เทคนิคผิดมุตส/ปุ่มเล็ก ๆ ชั่วคราวหากตื้นหรือเกลี่ยไม่ดี

*ตัวเลขเป็นค่าเฉลี่ยขึ้นกับเทคนิค ปริมาณ สรีรวิทยาผิว และการดูแล

1) องค์ประกอบและ “ชีวกลไก” (Biomaterials & Biostimulation)

Sculptra: PLLA เชิงโครงสร้าง

  • PLLA เป็นพอลิเมอร์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (biodegradable) ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซิส → แลคติกแอซิด → ขับออกตามธรรมชาติ
  • อนุภาค PLLA ของ Sculptra มีขนาด/การกระจายตัวที่ออกแบบให้ กระตุ้นไฟโบรบลาสต์ ให้สร้าง คอลลาเจน type I ใหม่แบบค่อยเป็นค่อยไป
  • ต้อง reconstitution (ละลายผง) กับน้ำกลั่น/ลิดอเคน แล้ว ทิ้งเวลาให้ fully hydrated เพื่อให้อนุภาคกางตัวสมบูรณ์ ลดความเสี่ยงน็อดจูล
  • เหตุผลที่ผลอยู่นาน: ไม่ใช่ “สารคงอยู่” แต่คือ คอลลาเจนใหม่ของเราเอง ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดขึ้น

Juvelook: PLLA + HA เพื่อ “dermal remodeling”

  • โครงสร้าง PLLA microparticles ที่มี ไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA) อยู่ในสูตร ช่วย การกระจาย และให้ ชุ่มชื้นทันที ในชั้นผิว
  • การออกฤทธิ์หลักยังเป็น biostimulation จาก PLLA แต่การมี HA ทำให้ผิวรู้สึก อิ่มฟู/เนียน เร็วขึ้น ลดช่วง “รอผล” เมื่อเทียบ biostimulator ล้วน ๆ
  • อนุภาคได้รับการปรับให้ เหมาะกับชั้นผิว มากกว่า subcutaneous ลึก จึงตอบโจทย์เรื่อง รูขุมขน/แผลเป็นสิว/ริ้วเล็ก ได้ชัด

2) ขนาดอนุภาค & ระดับการฉีด = “คีย์” ของความต่าง

  • Sculptra: อนุภาคและวิธี reconstitution ทำให้เหมาะกับ การฉีดลึก (deep dermal–subdermal–supraperiosteal) เพื่อ ขึ้นเฟรม/ยกกระชับ
  • Juvelook: อนุภาค “จิ๋ว-กระจายดี” + HA จึงเหมาะ dermis/upper dermis (ตื้นกว่า) และสามารถทำเป็น meso-grid ทั่วหน้าเพื่อ “quality reboot”

กฎเหล็ก: อนุภาคใหญ่-ลึก = โครง/วอลุ่ม | อนุภาคเล็ก-ตื้น = คุณภาพผิว

3) ข้อบ่งใช้ (Indications) ที่ “เล่นถนัด” ของแต่ละตัว

Sculptra – เล่นใหญ่กับเฟรมหน้า

  • แก้มตอบ/temporal hollow: เติม “support” เชิงโครง ลดใบหน้าดูโทรม
  • แนวกราม/มุมกราม คาง: สร้างลุคกรอบหน้าคมขึ้น โดยไม่โปะ
  • ลำคอ/เดคอลเต้: ปรับ texture และความยืดหยุ่น (เลือกเทคนิค)
  • แก้มกลาง: ยกกระชับแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ฟูทันทีแบบฟิลเลอร์

Juvelook – ละเอียดกับคุณภาพผิว

  • รูขุมขนกว้าง/ผิวไม่แน่น: ผิวแน่นและละเอียดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • หลุมสิวตื้น-ปานกลาง: ทำต่อเนื่อง 2–4 ครั้ง เห็นผิวเรียบขึ้น
  • ริ้วรอยจิ๋ว (crepey skin) หน้าผาก ใต้ตาบางเคส (ต้องเทคนิคระวัง)
  • ผิวบาง/แห้ง-กร้าน: HA ในสูตรช่วยความชุ่มชื้นทันที + PLLA กระตุ้นยาว

4) โปรโตคอลการทำ (Protocols) และการผสม (Reconstitution)

Sculptra

  • การละลาย: ใส่น้ำกลั่นปริมาณสูงพอ (หลายคลินิกใช้ 5–10 ml+/vial) + เวลาพักให้ fully hydrated (อย่างน้อยข้ามคืนในแนวทางที่นิยม)
  • เทคนิคฉีด: กระจายเป็น fan/threading บริเวณลึก หลีกเลี่ยง bolus ตื้น
  • จำนวนครั้ง: 2–3 ครั้ง ห่าง 4–8 สัปดาห์ ปรับตามอายุ/การตอบสนอง
  • หลังทำ: นวด 5-5-5 (5 นาที วันละ 5 ครั้ง 5 วัน) ช่วยกระจายอนุภาค ลดน็อดจูล

Juvelook

  • พร้อมใช้กว่า ด้วยสูตรที่มี HA ทำให้การกระจายในชั้นผิวดี
  • เทคนิคฉีด: micro-depot/meso-grid ตื้น ๆ หรือ cannula superficial ทั่วหน้า เพิ่มเฉพาะจุดที่มีรู/หลุมสิว
  • จำนวนครั้ง: 2–4 ครั้ง ห่าง 3–6 สัปดาห์ แล้ว maintenance ทุก 6–12 เดือน
  • หลังทำ: เน้น barrier care + กันแดด เลี่ยงเลเซอร์ร้อนหนัก 1–2 สัปดาห์

5) ระยะเวลาเห็นผล & ความคงอยู่

  • Sculptra: ช่วงแรกอาจดูฟูจากน้ำที่ผสม → แฟบลง → จากนั้น ค่อย ๆ ดีขึ้น ชัดใน 6–12 สัปดาห์ หลังคอร์ส ผลด้านกรอบหน้าอยู่ได้นาน ~18–24 เดือน (ขึ้นกับ lifestyle/อายุ/แดด/บุหรี่/นอน)
  • Juvelook: ความชุ่มชื้นและ “ผิวอิ่ม” มักเห็นไวใน 2–4 สัปดาห์ ส่วน รู-หลุมสิว/แน่นผิว ดีต่อเนื่องหลังครบคอร์ส ความคงอยู่ของ “คุณภาพผิว” ~9–12 เดือน จากนั้นควร ท็อปอัพ/เมนเทน

6) ความปลอดภัย ความเสี่ยง และการป้องกัน (Safety & Risk Management)

ความเสี่ยงร่วมของ biostimulator

  • น็อดจูล (ก้อน/ปุ่ม): ฉีดตื้นเกินไป กระจุกตัว ไม่ไฮเดรตพอ หรือไม่กระจายหลังทำ
  • biofilm/late-onset nodule: ความสะอาด-เทคนิค ควรคุมมาตรฐานสูง
  • Tyndall/ผิวเป็นปื้น: จากการฉีดตื้น (พบได้หากเทคนิคผิด โดยเฉพาะใต้ตา)
  • ช้ำ/บวม/แดง: ชั่วคราว ป้องกันด้วยเข็ม/คานนูลาเหมาะสม + ประคบเย็น

การป้องกันแบบผู้เชี่ยวชาญ

  • Reconstitution ถูกต้อง: ปริมาณน้ำและเวลาพักให้อนุภาคกางตัวเต็มที่ (สำคัญกับ Sculptra มาก)
  • ชั้นฉีดถูก: Sculptra = ลึก, Juvelook = dermis ตื้น-กลาง
  • กระจายอนุภาค: เทคนิคพัด/cross-hatching + นวดหลังทำ ตามแนวทาง
  • คัดกรองเคส: คนมีประวัติน็อดจูลง่าย/แผลเป็นคีลอยด์ ควรเริ่ม conservative
  • Aseptic technique: ลดความเสี่ยง biofilm และภาวะแทรกซ้อนระยะยาว

หมายเหตุด้านกฎหมาย/ข้อบังคับ: สถานะการขึ้นทะเบียนของแต่ละผลิตภัณฑ์แตกต่างกันตามประเทศและช่วงเวลา ควรรับบริการจากคลินิกที่ใช้ ผลิตภัณฑ์แท้ มี เลขรับรองในประเทศ และแพทย์มี ประสบการณ์จริง กับเทคนิค biostimulator

ปรึกษาฟรี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

📥 Inbox: m.me/PWClinicSurgery

Line@ : https://page.line.me/pw65

7) การเลือกให้ “ตรงโจทย์”

เป้าหมาย: ยกกระชับกรอบหน้า + เติมเชิงโครง → Sculptra เด่น

  • คนไข้แก้มตอบ ขมับยุบ แนวกรามไม่คม
  • ต้องการ look ที่ยกจากด้านลึก ไม่เน้นฟูฉับพลัน
  • ไม่รีบร้อนผล ต้องการ ความคงอยู่ยาว

เป้าหมาย: คุณภาพผิว รูเล็ก หลุมสิว ผิวบาง → Juvelook เด่น

  • ผิวขาดแน่น รูพรุนกว้าง หลุมสิวระดับตื้น-ปานกลาง
  • ต้องการ “glass-skin + collagen” ในคอร์สเดียว
  • อยากเห็น ความเนียน/อิ่ม เร็วกว่าการใช้ PLLA ล้วน

เป้าหมายผสม: “เฟรม + ผิว”

  • ทำ Sculptra สร้างโครง → เว้นช่วง → ทำ Juvelook รีไฟน์ผิว
  • หรือสลับลำดับตามจุดเด่นปัญหา (ต้องวาง treatment map ให้ชั้นฉีดไม่ทับเสี่ยง)

8) ตัวอย่าง Treatment Map (เชิงกลยุทธ์)

เคส A: แก้มตอบ + รูขุมขนกว้าง + หลุมสิวเบา

  1. เดือน 0: Sculptra (แก้มกลาง/ขมับ/แนวกราม) ลึกเพื่อเฟรม
  2. เดือน 1–2: Sculptra ครั้ง 2 ปรับโดสตามตอบสนอง
  3. เดือน 3–4: Juvelook 1–2 ครั้ง ทำทั่วหน้า เน้นแก้ม/จมูก/ขมับผิว
  4. เมนเทน: Juvelook ทุก 9–12 เดือน, ประเมิน Sculptra ปีที่ 1–2

เคส B: หลุมสิวเด่น + ผิวบางกร้าน ไม่มีปัญหาวอลุ่ม

  1. เดือน 0: Juvelook 1
  2. เดือน 1: Juvelook 2 + microneedle บางจุด (ถ้าแพทย์เห็นสมควร)
  3. เดือน 2–3: Juvelook 3 (option)
  4. เมนเทน: ทุก 9–12 เดือน

เคส C: มิดเฟซแฟลต + แนวกรามหย่อนเล็กน้อย + ต้องการริ้วใต้ตาดีขึ้น

  1. เดือน 0: Sculptra โครงกลางแก้ม/กราม
  2. เดือน 2: Sculptra ทวนโดส
  3. เดือน 3–4: Juvelook บาง ๆ บริเวณผิวแก้มส่วนหน้า/ใต้ตาแบบ superficial (แพทย์ชำนาญเท่านั้น)

9) การจับคู่กับหัตถการอื่น (Stacking)

  • Sculptra + HIFU/Ultrasound lifting: ทำ HIFU ก่อน แล้วตามด้วย Sculptra ใน 2–4 สัปดาห์ เพื่อ synergy ยกจากเอ็นยึด+สร้างคอลลาเจน
  • Juvelook + เลเซอร์ fractional/ subcision (กรณีหลุมสิว): จัดตารางเว้น 2–4 สัปดาห์ ลดอักเสบซ้อน แต่ช่วยให้ผิว “รีโมเดล” ดีกว่า
  • Toxin + Biostimulator: จัดเวลาห่างกันพอสมควร ลดรบกวนการกระจาย
  • สกินแคร์: เน้น barrier-centric (เซราไมด์/คอเลสเตอรอล/FA) + broad-spectrum SPF สม่ำเสมอ

10) ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย (Myths & Facts)

  • “ฉีดแล้วฟูทันทีเท่าฟิลเลอร์”ไม่ใช่ ผลหลักคือ คอลลาเจนใหม่ ค่อย ๆ สร้าง
  • “ถ้าจะลดรูขุมขน ใช้ Sculptra ก็ได้”เชิงทฤษฎีได้ แต่ Juvelook ที่ออกแบบระดับผิวจะ ตอบโจทย์/คุ้มโดส กว่า
  • “นวดไม่สำคัญ” (กรณี Sculptra) → ผิด นวดช่วยลดความเสี่ยงน็อดจูลมาก
  • “ทำครั้งเดียวพอ”ส่วนใหญ่ไม่พอ โปรโตคอล 2–3 ครั้งช่วยให้ผลยืนระยะ

11) งบประมาณ & การวางแผน (เชิงตัวอย่าง)

ช่วงราคาจริงขึ้นกับคลินิก ประสบการณ์แพทย์ แหล่งผลิตภัณฑ์ และโปรโมชั่น

  • Sculptra: คิดเป็น vial โดยมากต้องการ 2–3 vials ช่วง 2–3 เดือนแรก
  • Juvelook: คิดเป็น ขวด/cc ทำ 2–4 ครั้ง ห่าง 3–6 สัปดาห์
  • วาง งบรายไตรมาส: สร้างเฟรมช่วง Q1–Q2 (Sculptra) แล้วรีไฟน์ผิว Q3–Q4 (Juvelook)

12) ข้อควรระวังพิเศษ (Red Flags)

  • ประวัติ แพ้สาร หรือ ภูมิคุ้มกันผิดปกติ: ต้องซักประวัติเจาะจง
  • ตั้งครรภ์/ให้นมบุตร: โดยทั่วไป เลี่ยง หัตถการฉีดทั้งหมด
  • ใต้ตา: ชั้นผิวยุ่งยาก ต้องแพทย์ชำนาญสูง เลือกผลิตภัณฑ์/เทคนิคจำเพาะ
  • สิวอักเสบ/ผื่นกำเริบ: รักษาคุมให้สงบก่อนเริ่มคอร์ส biostimulator

13) FAQ (สรุปคำถามยอดฮิต)

Q: Juvelook กับสกินบูสเตอร์ HA ธรรมดา ต่างกันยังไง?
A: Juvelook มี PLLA microparticles กระตุ้นคอลลาเจนระยะยาวกว่า HA ล้วน ๆ ในขณะที่ยังได้ความชุ่มชื้นจาก HA ด้วย

Q: Sculptra แทนฟิลเลอร์ได้ไหม?
A: ต่างวัตถุประสงค์ ฟิลเลอร์ให้ วอลุ่ม-รูปทรงทันที ส่วน Sculptra ให้ คอลลาเจนยืนระยะ และโครงที่ค่อย ๆ ดีขึ้น

Q: ทำสองอย่างในคนเดียวกันได้ไหม?
A: ได้ แต่ต้อง วางชั้นและจังหวะ ไม่ให้ทับเสี่ยง—มักเริ่มจาก Sculptra (ลึก) แล้วตามด้วย Juvelook (ตื้น) เพื่อรีไฟน์ผิว

Q: ทำไมบางคนเป็นก้อน?
A: เกิดจาก เทคนิค/การเตรียมไม่ถูกต้อง/ฉีดตื้น/ไม่ได้กระจาย จึงต้องเลือกแพทย์ที่ชำนาญและปฏิบัติตาม after-care เคร่งครัด

14) Checklist ก่อนตัดสินใจ (สำหรับคนไข้/ผู้ใช้บริการ)

  1. ตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์แท้ + เลขรับรอง ในประเทศ
  2. ประเมินโดยแพทย์: โครงหน้า vs คุณภาพผิว อะไรคือปัญหาหลัก
  3. รับทราบ จำนวนครั้ง และ ช่วงเวลาระหว่างครั้ง
  4. เข้าใจ ผลค่อยเป็นค่อยไป ไม่เหมือนฟิลเลอร์
  5. พร้อม ดูแลหลังทำ: นวด (กรณี Sculptra), กันแดด, เลี่ยงความร้อนจัดชั่วคราว
  6. นัด ติดตามผล/ปรับแผน ทุกครั้ง

15) บทสรุปเชิงกลยุทธ์

  • ถ้าคุณต้องการ “เฟรมใบหน้า-ยกจากด้านลึก-อยู่นาน” → เริ่มที่ Sculptra
  • ถ้าคุณต้องการ “รีเฟรชคุณภาพผิว-รูเล็ก-หลุมสิวเรียบ-ผิวแน่นอิ่มเร็วกว่า” → เลือก Juvelook
  • อยากได้ ทั้งโครงและผิว: จัด treatment map ผสานทั้งสองอย่าง โดยเคารพ ชั้นผิว และ จังหวะเวลา อย่างมืออาชีพ

ข้อความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไป ไม่ใช่วินิจฉัยโรคหรือคำแนะนำทางการแพทย์ส่วนบุคคล การตัดสินใจควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง/แพทย์เสริมความงามที่มีประสบการณ์กับผลิตภัณฑ์และเทคนิคเหล่านี้

ปรึกษาฟรี สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

📥 Inbox: m.me/PWClinicSurgery

Line@ : https://page.line.me/pw65

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *