ภาพลักษณ์มีผลต่อความมั่นใจและโอกาสในหลายด้าน “ศัลยกรรมตกแต่ง” กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ หนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องก็คือการศัลยกรรม “ปากกระจับ” หรือการปรับรูปทรงของริมฝีปากให้ได้สัดส่วนสวยงาม ดูอ่อนหวาน และมีเสน่ห์
แต่การทำปากกระจับก็มีหลายวิธีและหลายรายละเอียดที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาตรงใจและปลอดภัยที่สุด บทความนี้จะพาคุณไปรู้ลึกเกี่ยวกับปากกระจับตั้งแต่ต้นจนจบ พร้อมแชร์ประสบการณ์จริงจากผู้ที่เคยทำมาแล้ว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างรอบด้าน
ปากกระจับคืออะไร?
“ปากกระจับ” (Lip Reduction Surgery หรือ Lip Shaping) คือการศัลยกรรมตกแต่งริมฝีปาก โดยเฉพาะริมฝีปากบน เพื่อให้มีลักษณะเว้าเป็นรูปกระจับคล้ายหยดน้ำหรือปีกนก มักทำร่วมกับการปรับขนาดและความหนาของริมฝีปากให้เหมาะสมกับใบหน้า
ผลลัพธ์ที่ได้คือริมฝีปากที่ดูสวยละมุน มีมิติ ทำให้ใบหน้าดูหวานและอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำให้การแต่งหน้าดูเป๊ะขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งเทคนิคเยอะ
เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีริมฝีปากหนา ไม่มีทรง
- ผู้ที่มีปากบนและล่างขนาดไม่สมดุล
- ผู้ที่อยากให้ใบหน้าดูหวานขึ้น
- ผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วอยากปรับรูปทรงถาวร
- ผู้ที่อยากมีปากเหมือนดาราเกาหลี เช่น IU, ซูจี, หรือ ลิซ่า BLACKPINK
เทคนิคการทำปากกระจับ
1. การศัลยกรรมตกแต่ง (ผ่าตัด)
เป็นการผ่าตัดตกแต่งเนื้อริมฝีปากบนโดยศัลยแพทย์จะวาดแนวเส้นเพื่อกำหนดรูปทรงที่ต้องการ จากนั้นจะตัดแต่งเนื้อออกให้ได้รูปกระจับตามที่ออกแบบไว้ แล้วเย็บด้วยไหมละลายหรือไหมไม่ละลาย ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์
ข้อดี:
- ผลลัพธ์ถาวร
- ปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ
- แก้ไขปัญหารูปปากหนาหรือไม่สมดุลได้ดี
ข้อควรระวัง:
- อาจมีบวม ช้ำในช่วงแรก
- ต้องพักฟื้นประมาณ 5–7 วัน
- หากทำกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจมีรอยแผลเป็น หรือทรงไม่สมดุล
2. การฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับทรง
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนรูปปากแบบชั่วคราว โดยแพทย์จะฉีดสาร Hyaluronic Acid เข้าไปเพื่อยกหรือเน้นส่วนเว้าของปากให้ดูคล้ายกระจับ
ข้อดี:
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล
- ทำเสร็จภายใน 15–30 นาที
- เหมาะกับผู้ที่อยากลองก่อนทำจริง
ข้อควรระวัง:
- ผลลัพธ์อยู่ได้ 6–12 เดือน
- ต้องฉีดซ้ำเรื่อยๆ หากต้องการรักษาทรง
- ฟิลเลอร์อาจไหลหรือเป็นก้อน หากใช้ของไม่มีคุณภาพ
ขั้นตอนก่อน–หลังทำปากกระจับ
ก่อนทำ
- ปรึกษาศัลยแพทย์อย่างละเอียด
- ส่งภาพตัวอย่างที่ชอบให้แพทย์ประเมิน
- หยุดยาแอสไพริน, วิตามิน E, น้ำมันปลา 7 วันก่อนทำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
ระหว่างทำ
- ทำความสะอาดบริเวณริมฝีปาก
- ฉีดยาชาเฉพาะจุด
- ใช้เวลาประมาณ 30–60 นาที ขึ้นอยู่กับเทคนิค
หลังทำ
- ประคบเย็นเพื่อลดบวม
- งดอาหารร้อน เผ็ด และหมักดอง
- งดใช้ลิปสติกหรือลิปบาล์มใดๆ จนกว่าบาดแผลจะหายดี
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
รีวิวจากผู้ที่เคยทำจริง
คุณมิ้นท์ อายุ 27 ปี – ทำปากกระจับแบบผ่าตัด
“ตอนแรกกลัวมากเพราะไม่เคยศัลยกรรมมาก่อน แต่เราเป็นคนปากหนามาก พอได้ปรึกษาคลินิกก็มั่นใจขึ้น ตอนทำไม่เจ็บเพราะมีการฉีดยาชา หลังทำก็บวมบ้าง แต่พอครบ 2 สัปดาห์คือปากเริ่มเข้าที่ ทรงสวยมาก เพื่อนทักเยอะมากว่าหน้าดูหวานขึ้นจริงๆ ไม่ผิดหวังเลยค่ะ”
คุณอาร์ต อายุ 30 ปี – ฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปปาก
“เราไม่อยากผ่าตัดเพราะทำงานต้องเจอลูกค้าตลอด เลยเลือกฉีดฟิลเลอร์แบบเบาๆ ให้ปากดูโค้งขึ้นเฉพาะตรงกลาง ผลลัพธ์ดีเกินคาด ปากดูมีทรงขึ้นแต่ยังดูเป็นธรรมชาติมากๆ แล้วเวลาทาลิปก็รู้สึกสนุกขึ้น ชอบครับ”
คุณเจน อายุ 24 ปี – ทำปากกระจับ+ลดขนาดปากล่าง
“เป็นคนปากหนาทั้งบนล่างค่ะ อยากให้ใบหน้าดูละมุนมากขึ้นเลยทำทั้งสองอย่าง ตอนแรกหน้าบวมเยอะมาก กังวลมากๆ แต่พอหายแล้วคือสวยเลยค่ะ ปากดูหวาน มีทรง เวลายิ้มก็มั่นใจขึ้นเยอะค่ะ คิดว่าคุ้มค่ามากกับเงินที่จ่ายไป”










ปากกระจับกับโหงวเฮ้ง?
นอกจากความงามแล้ว “รูปปาก” ยังมีความเชื่อเรื่องโหงวเฮ้งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะในหมู่ผู้หญิงที่เชื่อว่ารูปปากกระจับจะช่วยให้พูดจาดี มีเสน่ห์ต่อคนรอบข้าง มีวาจาน่าฟัง ช่วยส่งเสริมดวงด้านความรักและการเจรจาธุรกิจ
ราคาโดยประมาณ (อัปเดต 2025)
- ปากกระจับแบบผ่าตัด: 15,000 – 45,000 บาท
- ฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปปาก: 6,000 – 18,000 บาท/ครั้ง
- ฟิลเลอร์คุณภาพสูง เช่น Juvederm, Restylane: ราคาจะสูงขึ้นตามแบรนด์
ข้อควรระวังในการเลือกคลินิก
- เลือกคลินิกที่มีใบอนุญาตถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข
- ศัลยแพทย์ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ และมีประสบการณ์
- ตรวจสอบรีวิวจากลูกค้าเก่า (ทั้งในเว็บและโซเชียล)
- คลินิกควรมีการถ่าย Before–After อย่างโปร่งใส
- อย่าหลงเชื่อราคาโปรโมชั่นที่ต่ำเกินจริง
สรุป
“ปากกระจับ” ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรูปร่างของริมฝีปาก แต่ยังเป็นการเปลี่ยนบุคลิก เสริมความมั่นใจ และเสริมโหงวเฮ้งได้ในเวลาเดียวกัน สำหรับใครที่กำลังคิดจะทำ ขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และพูดคุยกับแพทย์ก่อนตัดสินใจอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด
อย่าลืมว่า “ความสวย” ที่แท้จริงต้องมาพร้อมกับ “ความปลอดภัย” เสมอ