เมื่อมีอายุที่มากขึ้นเชื่อว่าหลายๆ คนจะพบเจอปัญหาคล้ายๆกันคือ ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย รูปหน้าไม่เรียว ผิวไม่กระชับและมีริ้วรอยเหี่ยวย่น จนต้องหาวิธีต่างๆเพื่อมาช่วยแก้ไขปัญหาแห่งวัยนี้ เช่น การทาครีม รับประทานคอลลาเจน การผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิวหน้า การฉีดโบท็อก การฉีดฟิลเลอร์ การทำ Hifu ร้อยไหม เป็นต้น
ซึ่งการร้อยไหมก็เป็นอีกหัตถการหนึ่งที่ผู้คนนิยมทำกัน และรู้จักกันมานาน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาทำให้ หน้าดูเรียว ปรับรูปทรงหน้า ยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาแก้มหย่อน เสริมจมูกให้โด่งสวย และช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว เพราะวิธีนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สะดวกรวดเร็ว และเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำเสร็จ
การร้อยไหม คือ การใช้เข็มสอดแทงลงในชั้นผิวหนังของเรา ซึ่งเข็มนั้นจะนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยงคล้ายๆตะขอลงไปด้วย ผิวก็จะถูกเงี่ยงเกี่ยวขึ้นมาตามเส้นไหมที่ร้อยเข้าไป จะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่างและจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับดึงเข้าหากันจึงสามารถดึงแก้มที่หย่อนขึ้นได้ทันที หลังการร้อยไหม จะทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน และทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงชั้นผิวหนังมากขึ้น ช่วยให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึงขึ้นอย่างชัดเจน
ในขณะที่กำลังทำการร้อยไหมก็อาจจะมีเลือดออกบริเวณที่แทงเข็มเข้าไปใต้ผิวหนัง และหลังจากร้อยไหมเสร็จแล้วก็อาจจะมีรอยซ้ำเขียว หรือบวมตามรอยเข็ม แต่ไม่เป็นอันตรายและจะค่อยๆหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ หากมีอาการบวมแดงมากขึ้น ปวดมากขึ้นให้รีบกลับมาพบหมอเพื่อวินิจฉัยและรับยากินเพิ่มค่ะ ในระหว่างนี้ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เกี่ยวกับความร้อนและควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยค่ะ
เชื่อว่าหลายๆคนที่อยากจะร้อยไหมแต่ยังมีความกลัวและกังวลใจว่าการร้อยไหมเจ็บมากไหมคำตอบ คือ เจ็บนิดเดียวเฉพาะตอนที่ฉีดยาชาค่ะ และเข็มที่ใช้ในการร้อยไหมจะเล็กมากๆ เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้วจะไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ แต่ต้องทำกับคุณหมอที่มีประสบการณ์และคลินิกที่ได้รับมาตรฐานเท่านั้น เพราะจะได้รับร้อยไหมละลายที่ผ่ายการรองรับ อย. ด้วยวิธีการร้อยที่ถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย เส้นไหมก็จะละลายไปโดยไม่เป็นอันตราย มีอายุการละลายโดยประมาณ 6-18 เดือน การร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็จะเกิดเป็นเส้นใยอิลาสตินช่วยประคองผิว คล้ายเส้นเอ็นที่มีอยู่ตามธรรมชาติของร่างกายค่ะ