เมื่อเราได้ศึกษาหาข้อมูลมาบ้างแล้วว่าจะไป ฉีดโบท็อกซ์ ที่คลินิกไหน คุณหมอชื่ออะไร หรือบางคนอาจจะเข้าไปปรึกษาคุณหมอมาบ้างแล้ว เรามาดูกันว่าก่อนจะไปฉีดโบท็อกนั้นเราควรจะปฏิบัติตัวยังไงบ้าง
- สุขภาพต้องปกติ ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง ถ้ามีการแพ้ยาอะไรต้องแจ้งหมอให้ทราบก่อน
- ไม่ได้อยู่ในภาวะกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนมาฉีดโบท็อกไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
- งดอาหารเสริม หรือวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันตับปลา ใบแปะก๊วย โสมสกัด เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ก่อนฉีด
- ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องการอาการฟกช้ำ
- แจ้งหมอผู้ฉีดให้ทราบถึงความต้องการของเราให้ชัดเจนว่าต้องการตึงมากน้อยแค่ไหน และเป็นไปได้ควรล้างหน้าเช็ดเครื่องสำอางออกก่อนฉีดด้วยนะคะ
เมื่อคุณหมอได้ทำการฉีดโบท็อกให้เราเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องมีการดูแลยังไงเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี และไม่ให้โบท็อกซ์นั้นเสื่อมสภาพเร็วจนเกินไป เพราะโบท็อกซ์จะมีระยะเวลาในการออกฤทธิ์แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของตัวยา ซึ่งโบท็อกซ์ที่นิยมใช้กันตอนนี้หลักๆจะมาจากประเทศ เกาหลี เยอรมัน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เป็นต้น มีฤทธิ์อยู่ได้นานตั้งแต่ 4 เดือน ไปจนถึง 1 ปี เทคนิคการดูแลตัวเองง่ายๆ หลังฉีดโบท็อกซ์ เพื่อให้ใบหน้ามีความเรียวสวย ไร้ริ้วรอย อยู่คู่กับเราไปนานๆ มีดังนี้
- งดอาบน้ำอุ่น อบซาวน่า แช่น้ำอุ่น หรือหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนความร้อน 1-2 สัปดาห์แรก เนื่องจากความร้อนจะสลายตัวยาให้หมดสภาพเร็วขึ้น
- ไม่ควรไปนวด หรือกดจุดบริเวณที่ฉีด 1 เดือน
- ห้ามนอนราบหลังฉีดทันที ควรเว้นระยะสัก 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการไหลของโบท็อกซ์
- ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ
- หลีกเลี่ยงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- งดการทำทรีทเม้นท์ด้วยเครื่อง RF หรือเลเซอร์ 2 สัปดาห์ แต่สามารถทาครีมไม่ตามปกติ
- ฉีดโบท็อกซ์บริเวณกราม หลังฉีดให้เคี้ยวหมากฝรั่ง 2 ข้างเท่าๆกัน โดยการสลับซ้ายขวา เป็นเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยากระจายเข้ากล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดได้ดียิ่งขึ้น
- หากจุดที่ฉีดมีการบวมให้ทำการแระคบเย็นทุก 1 ชั่วโมง จนกว่าจะหาย
เพียงแค่ประปฏิบัติตามขั้นตอนให้ถูกต้องแค่นี้ผลลัพธ์การฉีดของเราก็จะได้ตามที่ต้องการ โบท็อกซ์ก็ไม่เสื่อมสลายไปเร็วจนเกินไป จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินฉีดบ่อยๆค่ะ
